องค์รักษ์กุกวี

EP. 9 : หนีเที่ยว

องค์หญิงยูจองส่องความเรียบร้อยของตนเองในกระจก เสื้อผ้าชุดเดิมที่เคยขอจีมินไว้เมื่อปลอมตัวไปเที่ยวนอกวังครั้งก่อนถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง รวมทั้งผืนผ้าสีตุ่นที่เก็บรวบผมยาวขึ้นไปจนเงาในกระจกสะท้อนภาพหนุ่มน้อยหน้ามนแบบที่เธอต้องการ นาฬิกาลูกตุ้มที่อยู่ในห้องบอกเวลาเกือบบ่ายสองโมงแล้วซึ่งอีกไม่นานคาบเรียนของวันนี้คงจะสิ้นสุดลง

สองเท้าก้าวออกจากห้องบรรทมในขณะที่ดวงตายิบหยีสอดส่องรอบด้านอย่างระแวดระวัง แน่นอนว่าเธอไม่ต้องการให้ใครมาเห็นตอนปลอมตัวเพื่อหนีเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณข้าหลวงเจ้าระเบียบ ที่หากเผลอรู้เข้าเรื่องคงไปถึงหูองค์ราชาและองค์ราชินีแน่

 

Aide-De-Camp [KookV]

#องครักษ์กุกวี

 

“แทฮยอง จีมิน รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเร็ว ได้เวลาไปเที่ยวแล้ว” เสียงสดใสร้องเรียกเพื่อนสองคนที่นั่งอยู่ในห้อง ร่างเล็กหมุนตัวให้เพื่อนสนิทช่วยสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้ง ก่อนที่จีมินและแทฮยองจะยกนิ้วโป้งชูให้กับการเตรียมตัวที่ยอดเยี่ยมขององค์หญิง

กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก…มือเล็กขององค์หญิงลูบหัวอองตวนที่อยู่ในมือ ถ้าหนีเที่ยวแล้วไม่เอามันก็ด้วยก็กลัวจะไม่มีคนดูแลให้เลยต้องหอบหิ้วออกมานอกวังด้วย เป็นการหนีเที่ยวที่ทำเพื่ออองตวนโดยเฉพาะ องค์หญิงเดินตามเพื่อนสองคนไปเรื่อยๆ จนเห็นสิ่งก่อสร้างที่เปิดโล่งหลังหนึ่ง มีเพียงเสาและหลังคาที่ทำจากผ้าใบกันแดดซึ่งมีชาวบ้านจำนวนมากออกันอยู่

แทฮยองอุ้มไก่อองตวนจากมือองค์หญิงเอามันไปวางบนโต๊ะตัวหนึ่ง ผู้ชายที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเงยหน้าขึ้นมาจากสมุดบันทึก ถามชื่อเสียงเรียงนามของทั้งคนและไก่ ในขณะที่องค์หญิงยูจองได้แต่เฝ้ามองขั้นตอนต่างๆอย่างตื่นเต้น และเมื่อทุกสิ่งอย่างเสร็จสิ้นองค์หญิงก็เห็นผู้ชายคนนั้นแอบเอาขวดกระเบื้องสีน้ำตาลส่งให้แทฮยองอย่างลับๆ แล้วแทฮยองก็เอาหลอดดูดของเหลวในขวดใส่ปากอองตวนในขณะที่ใบหน้าของเพื่อนตัวบางยกยิ้มกว้างรูปสี่เหลี่ยม

สังกะสีถูกล้อมเป็นวงกลมกว้างบนพื้นดินภายใต้ซุ้มผ้าใบกันแดด องค์หญิงมองอองตวนที่ถูกผู้ชายคนหนึ่งจับไว้อยู่กลางลานดินในสังกะสีวงใหญ่ โดยมีชาวบ้านหลายคนมารุมกันอยู่รอบนอก เท้าสองข้างของอองตวนมีเศษผ้าเล็กๆสีแดงผูกอยู่ และหัวใจของเธอเริ่มเต้นรัวขึ้นจนดังตึกตักเมื่อได้ยินเสียงนับถอยหลัง

ทันทีที่ผู้ชายคนนั้นปล่อยมือ สัตว์เลี้ยงของเธอก็ตีปีกพึ่บพั่บ เข้าโรมรันกับคู่ต่อสู้ทันที

“เฉลิมชัยเอาเลย ตีมันๆๆ” เสียงตะโกนดังกระหึ่มจากชาวบ้านที่รายล้อมอยู่ ไก่ขนสีน้ำตาลปนแดงที่มีผ้าสีน้ำเงินผูกอยู่ที่เท้าตีปีกพั่บๆ แล้วใช้ปากแหลมคมจิกลงบนขนสีน้ำตาลปนดำของอองตวน

“กรี๊ดด อองตวนขนร่วง” องค์หญิงซุกหน้าลงกับแขนของจีมินที่นั่งอยู่ด้านข้างเมื่อเห็นขนสีดำหลุดร่วงและปลิวว่อนอยู่ในอากาศ ดวงตายิบหยีบัดนี้หรี่ลงไปอีกเพราะไม่อาจทนมองภาพที่น่าสงสารของสัตว์เลี้ยงตนเองได้

“ตีมันๆ เอาให้ตายเลย” เสียงตะโกนของคนดูเรียกอารมณ์ฉุนเฉียวขององค์หญิงยูจองให้คุกรุ่นขึ้น ภายในหัวเล็กๆคิดว่ากล่าวผู้คนใจร้ายที่แช่งชักไก่ของตนเอง อองตวนน่ะเป็นของฝากจากท่านโฮซอกที่ดั้นด้นหิ้วมาฝาก แล้วยังทำเธออดนอนไปตั้งหนึ่งคืน จะให้ตายง่ายๆได้อย่างไรกัน

“อองตวนลูกแม่ สู้มัน อองตวนจิกมันสิ จิกมัน” แล้วองค์หญิงที่เคยนั่งซุกหน้ากับแขนของจีมินก็หายไป กลายเป็นเด็กหนุ่มหน้ามนที่ตะโกนโหวกเหวกอย่างบ้าคลั่ง แถมยังหันมาถลึงตาใส่แทฮยองและจีมินที่นั่งเฉยไม่ยอมส่งเสียงให้กำลังใจลูก? ของเธอ

ไก่อองตวนวิ่งขนคอตั้งเข้าใส่คู่ต่อสู้สีน้ำเงินอย่างฮึกเหิม ทั้งที่ตัวเล็กกว่าไก่เฉลิมชัยอย่างเห็นได้ชัด แต่อาจเป็นเพราะได้กำลังใจจากแม่? จึงวิ่งถลาเข้าไปใช้จะงอยปากจิกลงที่ลำตัวของอีกฝ่ายไม่ยั้ง จนไก่เฉลิมชัยร้องกุ๊กกุ๊กวิ่งหนีแทบไม่ทัน

“อองตวนสู้ๆ อองตวนสู้ตายๆ” สามสหายส่งเสียงตะโกนอย่างพร้อมเพรียงกัน ฝ่ามือชื้นเหงื่อก็กุมกันไว้ไม่ปล่อย ทั้งที่เวลาผ่านไปแค่สิบนาที แต่ในความรู้สึกของคนดูที่ลุ้นอยู่นั้นช่างยาวนานราวชั่วโมง และเมื่อกรรมการแยกไก่สองฝ่ายออกจากกันแล้ว องค์หญิงยูจองก็รีบวิ่งเข้าไปหาอองตวนทันที

หลอดเล็กป้อนน้ำเข้าปากไก่ มือขององค์หญิงลูบไปตามขนที่ถูกจิกจนแหว่งด้วยความสงสาร ก่อนล็อคคอของอองตวนเอาไว้และสบเข้ากับดวงตาสีดำคู่เล็ก

“อองตวนเด็กดี อย่าให้เลี้ยงเสียข้าวเปลือกนะลูก บินขึ้นไปเหยียบแล้วจิกหลังคอมันเลย” ดวงตาที่กระพริบปริบๆราวกับจะสื่อสารกันรู้เรื่องเรียกให้ลักยิ้มเล็กๆเกิดขึ้นที่สองข้างแก้ม องค์หญิงยื่นมือไปจับขาไก่ขึ้นมา นวดคลึงหวังจะช่วยคลายความเมื่อยล้าของสามนิ้วกางๆสองข้าง

ทันทีที่ยกที่สองเริ่มขึ้น ไก่เฉลิมชัยที่เคยเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำก็เริ่มโจมตีก่อน มันมุดเข้าไปใต้ท้องของอองตวนแล้วตวัดคอขึ้นมากดหัวเล็กลง แล้วจิกที่หลังคอของอองตวนหลายรอบ

“เอ้ย แบบนั้นแหล่ะ เฉลิมชัยแบบนั้น เอาอีก เอาอีก”

“ม่าย อองตวนลูกแม่ อย่ายอมมัน จิกสิจิก บินลูกบิน”

กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก… เด็กดีขององค์หญิงยูจองตีปีกแล้วหนีออกมาตั้งหลัก ก่อนจะบินพึ่บพั่บใช้ง่ามขาเหยียบหัวไก่เฉลิมชัยแล้วจิกขนบนหลัง จนเฉลิมชัยต้องสะบัดตัวเพื่อให้อองตวนตกลงมา

“กรี๊ด แบบนั้น จิกอีก จิกอีก” องค์หญิงป้องปากตะโกนแข่งกับกลุ่มคนดูคนอื่น ในขณะที่ชาวบ้านส่วนมากเริ่มหน้าเสียเพราะลงเดิมพันกับเฉลิมชัยไก่หน้าเก่าของบ่อนไปมาก

เมื่อยกที่สามเริ่มขึ้น การแข่งขันเหมือนจะพลิกผันเพราะอองตวนเป็นไก่ใหม่ที่ไม่ชินสนาม มันดูเหนื่อยล้ามากกว่าเฉลิมชัยที่ผ่านการแข่งมามาก ไก่เฉลิมชัยตีปีกอย่างคึกคักเมื่อคู่ต่อสู้ขยับตัวอย่างเชื่องช้า มันจิกทึ้งเอาขนคอและขนปีกของอองตวนร่วงเต็มพื้นจนได้ยินแต่เสียงร้องกุ๊กกุ๊กด้วยความเจ็บปวด แล้วยังสอดตัวมุดเข้าไปจิกใต้ท้องอ่อน ทำอองตวนล้มลงไปนอนกับพื้น

“เห้ย ไก่สีแดงมันตายแล้ว” เสียงผู้คนตะโกนกึกก้องอย่างดีใจ ต่างจากสามเพื่อนสนิทที่นั่งหน้าเศร้า ดวงตาขององค์หญิงขึ้นสีแดงเรื่อ และแทฮยองรู้ดีว่าเพื่อนต้องพยายามแค่ไหนเพื่อกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมา แทฮยองยื่นมือไปกุมมือเพื่อนแน่น มองอองตวนที่นอนอยู่อย่างสงสาร ในขณะที่ไก่เฉลิมชัยเดินผงาดคอกับชัยชนะอย่างโอ้อวด

“อองตวนตายแล้วจริงๆใช่มั้ย”องค์หญิงถามจีมินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ นึกสงสารที่มันต้องเจ็บจนตายเพียงเพราะเธอใช้พนันเพื่อความสนุก จนแทฮยองต้องกุมมือเล็กที่สั่นเทิ้มให้แน่นมากขึ้น

“ไม่ร้องนะองค์หญิง แทฮยองผิดเองที่พามาที่นี่ ไม่งั้นอองตวนคงไม่ตาย แทฮยองขอโทษ” ร่างบางมองใบหน้ากลมที่แสนเศร้า เพราะคิดถึงแต่ความสนุก เลยลืมคิดไปว่าอองตวนเป็นแค่ไก่ที่พูดไม่ได้ ร้องบอกไม่ได้ว่ามันเจ็บ และลืมไปว่าความสนุกของพวกเขาอาจทำให้อองตวนตายอย่างเสียเปล่า

เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่กรรมการจะประกาศชัยชนะของเฉลิมชัย อองตวนที่นอนนิ่งอยู่ก็ผงาดขึ้นมาและอาศัยทีเผลอตีปีกอย่างแรงใส่เฉลิมชัยที่ไม่ทันตั้งหลัก ก่อนจะจิกเข้าที่ลูกกระเดือกจนเฉลิมชัยล้มลงไป แล้วบินขึ้นไปเหยียบและจิกเบ้าตาอย่างไม่ปรานี

“ฮืออ แทฮยองเห็นมั้ย จีมินเห็นมั้ย อองตวน ฮืออออ” ในที่สุดหยดน้ำตาก็ร่วงหล่นลงมาเต็มใบหน้าเมื่อเห็นอองตวนลุกขึ้นมาอีกครั้ง องค์หญิงเขย่าแขนของเพื่อนชายทั้งสองเพราะดีใจที่เห็นไก่ยังมีชีวิตอยู่ จนลืมสนใจกับชัยชนะที่ได้รับ

เสียงปรบมือดังกึกก้องจากคนดู ถึงแม้จะต้องเสียเงินพนันแต่ชาวบ้านก็อดชื่นชมในความฉลาดของอองตวนไม่ได้ จนถึงกับขนานนามให้ว่าเป็นไก่นักสู้ที่เอาชนะด้วยการแกล้งตายแล้วลุกขึ้นมาน็อคคู่ต่อสู้ตอนทีเผลอ

เงินถุงใหญ่ถูกยื่นให้พร้อมคำเอ่ยชวนให้มาใหม่ครั้งหน้าจากเจ้าของบ่อน เด็กหนุ่มสามคนในสายตาคนอื่นเดินยิ้มอย่างอารมณ์ดีออกจากลานชนไก่ โดยในมืออุ้มเจ้าสัตว์ปีกที่พยายามเชิดคอผงาดรับสายตาชื่นชมจากคนอื่น ถึงแม้ลำตัวแทบจะไม่มีขนหลงเหลืออยู่

“แทฮยองเอาอะไรให้อองตวนกินหรอ” องค์หญิงถามสิ่งที่ยังค้างคาใจกับขวดกระเบื้องสีน้ำตาลที่เห็นแทฮยองรับมาจากเจ้าของบ่อน

“ยาโด๊ปน่ะ อองตวนจะได้คึกสู้ไก่ที่ตัวใหญ่กว่าได้ เพราะชาวบ้านหันไปพนันข้างเฉลิมชัยที่รู้จักฝีไม้ลายมือดีกันหมด ถ้าเฉลิมชัยแพ้เจ้าของบ่อนก็จะได้เงินพนัน เขาเลยแอบเอายาโด๊ปมาให้น่ะ” องค์หญิงยูจองกับจีมินพยักหน้าอย่างเข้าใจ สีหน้าสดใสขึ้นเพราะอองตวนไม่เป็นอะไรมาก และดีใจกับเงินถุงใหญ่ที่คงใช้เที่ยวสนุกได้มากโข แต่ในใจก็ยังเข็ดหลาบไม่กล้าเอาอองตวนกลับไปชนอีก

 

125849364

 

โรงน้ำชากลายเป็นสถานที่ที่คึกคักที่สุดในยามเย็นเช่นนี้ ในขณะที่ท้องฟ้าเริ่มเป็นสีน้ำเงินเข้ม จนกลายเป็นภาพงดงามสำหรับผู้คนที่ผ่านไปมาจนต้องแวะโรงน้ำชาที่เปิดโคมไฟประดับอย่างสวยงาม เป็นภาพประจำที่ผู้คนมากมายมักจะมาแวะมาดื่มน้ำชาคลายความเหนื่อยล้าและพูดคุยกับมิตรสหายหลังคร่ำเคร่งกับการทำมาหากินกันมาทั้งวัน จะต่างออกไปก็ตรงที่ในเย็นวันนี้มีเด็กหนุ่มสามคนที่แวะเข้ามาในสถานที่นี้ด้วย

เด็กหนุ่มบริกรออกมาต้อนรับแขกที่มาเยี่ยมเยือนเป็นครั้งแรก ถึงจะแปลกใจกับการที่หนึ่งในนั้นอุ้มไก่ที่แสนน่าเกลียดเพราะเหลือแต่หนัง แต่เพราะใบหน้าและท่าทางที่ดูมีฐานะ จึงทำได้เด็กกลุ่มนั้นได้รับการต้อนรับอย่างดีด้วยการพาขึ้นไปบนชั้นสองของร้าน

แทฮยองมองบรรยากาศภายในร้านที่ถูกตกแต่งด้วยสีแดงสดของผ้าม่านและโคมไฟแบบจีนที่ห้อยลงมาจากเพดานหลายจุด พวกเขาเดินขึ้นบันไดไม้ไปยังชั้นสองที่แบ่งเป็นห้องแบบปิดและให้ความเป็นส่วนตัวสูง ภายในห้องขนาดไม่ใหญ่มากมีโต๊ะไม้ตั้งอยู่ตรงกลางและเก้าอี้อีกสามสี่ตัว ส่วนริมในสุดมีเตียงนอนสีขาวกับผ้าม่านสีแดงสดซึ่งมัดชายไว้กับเสาข้างเตียง

พวกเขาสามคนถูกเชิญให้นั่งลงบนโต๊ะกลางห้อง ถาดน้ำชาและถ้วยอีกสามใบถูกจัดวางลงตรงหน้า พร้อมของเหลวสีเหลืองอ่อนซึ่งส่งไอร้อนและกลิ่นหอมกรุ่น องค์หญิงยูจองในชุดเด็กหนุ่มยกถ้วยน้ำชาขึ้นมาจรดริมฝีปาก ถึงจะไม่ใช้ชาชั้นดีเหมือนที่ได้ดื่มในวัง แต่ก็ไม่แย่จนถึงขนาดจิบไม่ได้

ในขณะที่ทั้งสามคนกำลังผ่อนคลายไปกับกลิ่นหอมของดอกไม้ที่วางประดับอยู่ในห้อง และเพลิดเพลินกับเสียงบรรเลงจากเครื่องดนตรีจีนที่ลอดผ่านประตูมาให้ได้ยินเป็นระยะ อยู่ดีๆเด็กหนุ่มบริกรก็ยกกาน้ำชาและถ้วยกระเบื้องอีกชุดเข้ามาวางให้ และเมื่อแทฮยองลองเทของเหลวในกาจิบดูก็รับรู้ถึงรสชาติของแอลกอฮอล์ที่กรุ่นอยู่ในโพรงปาก

อองตวนถูกปล่อยให้ตีปีกเดินเล่นที่พื้นห้องอีกครั้ง ยูจองมองมันอย่างยิ้มๆก่อนจะเทของเหลวในกาชุดใหม่เพื่อลิ้มรส

“มันเป็นเหล้านะขอรับองค์หญิง” แทฮยองรีบบอกองค์หญิงยูจองก่อนที่อีกฝ่ายจะเผลอจิบมันเข้าไป แต่นอกจากจะไม่ทำให้องค์หญิงเปลี่ยนใจแล้ว ดวงตายิบหยีกลับทอประกายตื่นเต้นที่จะได้ลิ้มลองสิ่งต้องห้ามที่ทุกคนไม่ยินยอมให้เธอเข้าใกล้ ไม่ว่าจะเป็นท่านพ่อท่านแม่ พี่นัมจุนหรือคุณข้าหลวง

รสขมปร่าเมื่อผ่านลำคอกลับทิ้งความอุ่นร้อนเอาไว้ แอลกอฮอล์ที่เมื่อเข้าไปในร่างกายของคนที่ไม่คุ้นชินย่อมส่งผลให้สติเริ่มพร่าเลือนจนสามคนที่อ่อนประสบการณ์เอาแต่หัวเราะคิกคักไม่หยุด ไม่รับรู้ถึงการมาใหม่ของสามคนที่ย่างกรายเข้ามาในพื้นที่อันเป็นส่วนตัวเช่นนี้

กลิ่นหอมของเครื่องประทินโฉมลอยเข้าจมูกแทฮยองทันทีที่หญิงสาวในชุดคลุมผ้าลื่นสีชมพูอ่อนเดินเข้ามาใกล้ ในขณะที่องค์หญิงยูจองกลับนิ่งอึ้งตัวแข็งเมื่อถูกสาวงามอีกคนดึงตรงไปยังเตียงหลังเล็กที่อยู่ริมในสุด

เพราะความตกใจทำให้ทุกคนไม่ทันตั้งตัวเพื่อขัดขืน แทฮยองแทบจะเอื้อมมือไปโอบเอวหญิงงามในชุดผ้าลื่นแทบไม่ทันเมื่ออีกฝ่ายนั่งลงมาบนตัก เพียงเพราะเขากลัวว่าจะทำเธอลื่นตกลงไป

หน้าอกอวบนูนเบียดเข้ากับแผ่นอกของเขา จนแทฮยองสัมผัสได้ถึงความนุ่มหยุ่นของหญิงสาววัยแรกแย้ม ในขณะที่ริมฝีปากสีชมพูอ่อนก็เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ใบหน้าของเขาเรื่อยๆ จนได้กลิ่นเครื่องหอมกลิ่นดอกไม้ชัดเจนติดจมูก

ด้านจีมินก็ไม่ต่างไปจากกันนัก ผู้หญิงในชุดสีเหลืองอ่อนนั่งคลอเคลียแทบจะเกยร่างเล็กอยู่รอมร่อ ในขณะที่เรียวแขนบอบบางก็เอื้อมไปวุ่นวายอยู่กับกระดุมเสื้อสีขาว ทั้งที่จีมินพยายามเหลือเกินที่จะปลดมือเล็กๆออกจากสาบเสื้อของเขา แต่ก็ไม่สามารถทัดทานนิ้วมือที่แสนซุกซนได้

แต่ดูเหมือนคนที่แย่ที่สุดจะเป็นองค์หญิงยูจองที่อยู่ในสถานการณ์คับขัน เพราะเธอในร่างเด็กหนุ่มถูกดันจนแผ่นหลังลงไปสัมผัสกับที่นอนเนื้อนิ่ม และถูกคร่อมโดยผู้หญิงในชุดผ้าบางๆสีฟ้าอ่อน

เด็กหนุ่มบริกรลอบมองความเคลื่อนไหวในห้องผ่านช่องว่างของบานประตูที่เปิดแง้มไว้ นึกชอบใจในไหวพริบตนเองไม่น้อยที่จัดบริการพิเศษเสริมไปให้เด็กหนุ่มในห้อง และเขามั่นใจเหลือเกินว่าเมื่อเวลาเช้ามาถึง เขาคงจะได้รับผลตอบแทนอย่างงามจากลูกค้าที่ต้องพึงพอใจกับบริการของค่ำคืนนี้ เด็กหนุ่มบริกรปิดบานประตูลงแนบสนิทเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ก่อนจะเดินจากไปเพื่อเปิดโอกาสให้แขกได้ใช้เวลาส่วนตัวให้เต็มที่

องค์หญิงยูจองปิดตาสนิท เมื่อริมฝีปากบางกระจับขยับเข้ามาใกล้ นึกตกใจจนทำอะไรไม่ถูก แม้แต่ในเวลาที่ริมฝีปากถูกทาบทับจนแนบสนิทไร้ช่องว่างแบบนี้

กุ๊ก กุ๊ก กุ๊ก เรียกของอองตวนเรียกสติขององค์หญิงยูจองกลับมาอีกครั้ง ดวงตายิบหยีหรี่ขึ้นจนเห็นแพขนตายาวบนใบหน้าหมดจนของคนที่ทาบทับเธออยู่

 

พึ่บพั่บๆๆ

กรี๊ดด

กลายเป็นความอลม่านเมื่ออองตวนพยายามตีปีกที่แทบจะไร้ขนจนสามารถขึ้นบินขึ้นมาอยู่บนเตียงร่วมกับสองคนด้านบนได้ เป็นสาเหตุให้ร่างบอบบางในชุดสีฟ้าอ่อนตกใจจนกรีดร้องให้กับเจ้าสัตว์ที่แสนน่าเกลียด

 

ตุ้บ

แคว้กกก

และถึงแม้องค์หญิงยูจองจะพยายามยื่นมือออกไปเร็วขนาดไหน แต่กลับคว้าได้เพียงชายเสื้อสีฟ้าที่ขาดวิ่นจนติดมือมา ในขณะที่เจ้าของของมันกลิ้งตกจากเตียงลงไปบนพื้นเสียแล้ว องค์หญิงจ้องมองชายผ้าที่อยู่ในมือก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งกองอยู่ที่พื้น รอยผ้าฉีกขาดจนเนินอกเต่งตึงโผล่ออกมาข้างนอก องค์หญิงยูจองรีบเอื้อมมือไปคว้าอองตวนที่อยู่ใกล้ๆ ใช้ปิดบังสายตาไม่ให้มองภาพวาบหวิวตรงหน้า

“ฮือ ไม่นะ ไม่ๆๆๆ” องค์หญิงส่งเสียงคร่ำครวญ ก่อนจะอุ้มอองตวนวิ่งออกไปนอกห้อง ผ่านสองราชองค์รักษ์และสองสาวงามที่ยังงงงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และทันทีที่ได้สติแทฮยองกับจีมินก็รีบสะบัดตัวหญิงงามที่ยุ่มย่ามอยู่บนร่างกายตนเองออกแล้ววิ่งตามเพื่อนตัวเล็กที่เตลิดออกจากโรงน้ำชาไปแล้ว

“อ้าว นายท่านจะไปไหน” เด็กหนุ่มบริกรตะโกนตามสามคนที่วิ่งออกจากร้านไป นึกสงสัยถึงสาเหตุที่ทั้งสามคนไม่ได้เพลินเพลิดกับบริการพิเศษที่เพิ่งจะได้รับ แต่ที่แย่กว่านั้นคือลูกค้าหน้าใหม่ทั้งสามออกจากร้านไปโดยที่ไม่ได้จ่ายเงินให้กับค่าอะไรทั้งสิ้น ทั้งค่าน้ำชา ค่าเหล้า และค่าสาวงามสามคน

 

“แย่แน่ๆเลย” เสียงบ่นครวญครางไม่หยุดและสองเท้าก็วิ่งเตลิดไปเรื่อย เมื่อภาพที่ได้เห็นติดตาจนสลัดไม่ออก ไหนจะสัมผัสนุ่มๆที่ประทับลงบนริมฝีปากเธออีก

“โอ๊ย องค์หญิงหยุดก่อน แทฮยองเหนื่อย” ร่างบางคว้าตัวองค์หญิงยูจองไว้ได้ทันก่อนที่ร่างเล็กจะวิ่งเตลิดไปอีก

“ฮืออ ทำใจไม่ได้” แทฮยองมองเพื่อนตัวเล็กที่บ่นงึมงำไม่หยุด ใบหน้ากลมจิ้มลิ้มซุกลงที่หนังเปลือยๆของอองตวนอีกครั้ง

“อ๊ะ นั่นมัน” ทุกคนหันไปมองนิ้วเล็กของจีมินที่ชี้ไปทางด้านหลัง แม้กระทั่งองค์หญิงก็ยังหันไปด้วยความสงสัย จนเห็นชายแก่ที่เดินถือหาบเร่

“ข้าวเกรียบ จีมินอยากกินข้าวเกรียบ” สองมือเอื้อมไปคว้าแขนเพื่อนลากไปหาพ่อค้าหาบเห่ แล้วหยิบข้าวเกรียบย่างแผ่นใหญ่มาสองสามแผ่น จนแทฮยองได้แต่ส่ายหน้าให้กับความตะกละของเพื่อนสนิท แต่ก็ยอมควักเหรียญในกระเป๋าจ่ายให้เมื่อยังมีเงินเหลืออีกมากเพราะไม่ได้จ่ายค่าอาหารในโรงน้ำชาเมื่อครู่

แทฮยองมองบรรยากาศรอบข้างอย่างตื่นเต้น เพราะนานๆทีจะได้หนีออกมาเที่ยวข้างนอก ในขณะที่องค์หญิงยูจองยังเอาแต่ซุกหน้าอยู่กับไก่ ส่วนจีมินก็เอาแต่สนใจข้าวเกรียบที่ถืออยู่

 

“แทฮยองหรือเปล่า” เมื่อมีเสียงทักมาจากด้านหลัง ร่างบางเจ้าของชื่อเรียกเลยหันไปมองคนที่เรียกขานตัวเองไว้ ส่วนอีกสองคนที่อยู่ข้างกันหยุดยืนนิ่ง ไม่ยอมหันไปมองเจ้าของเสียงเรียก องค์หญิงซุกหน้ากลมๆลงกับหนังเปลือยๆของอองตวนให้มากขึ้นเพราะกลัวว่าถ้าเป็นคนรู้จักจะจำเธอได้ ในขณะที่จีมินก็พยายามจะเอาข้าวเกรียบที่ถืออยู่มาปิดหน้า เพราะกลัวใครจะรู้ว่าแอบพาองค์หญิงยูจองออกมาเที่ยว

“ท่านจองกุก” ชื่อที่ได้ยินออกจากปากของแทฮยอง ยิ่งทำให้สองคนที่ยืนอยู่ข้างๆตัวลีบ ดูเหมือนความโชคร้ายจะมาเยือนเอาเสียแล้วถึงได้บังเอิญมาเจอกับท่านจองกุกเข้า จีมินเหลือบไปมององค์หญิงที่ยืนก้มหน้าซุกไก่อยู่ข้างๆ มือเล็กเอื้อมไปจับแขนองค์หญิงไว้ ในขณะที่คิดขอโทษขอโพยแทฮยองอยู่ในใจ

“เฮ้ยย” แทฮยองร้องเสียงหลงเมื่อถูกก้นของจีมินชนลงไปนั่งจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น ปากอิ่มขมุบขมิบอย่างขุ่นเคืองเมื่อเห็นหลังไวๆของเพื่อนจอมตะกละวิ่งพาองค์หญิงยูจองแจ้นหนีไปจนได้ ทิ้งเขาเอาไว้ให้เผชิญหน้ากับท่านจองกุกตามลำพัง

 

“เป็นอะไรหรือเปล่า” จองกุกประคองคนล้มให้ลุกขึ้น ปัดดินทรายที่เปื้อนขากางเกงออกให้ และมุ่ยหน้ากับกลิ่นดอกไม้ฉุนที่มาจากร่างกายของแทฮยอง

“เปล่า เราไม่เป็นไร” ดวงตากลมโตมองคนที่ยังอยู่ในชุดราชองค์รักษ์เต็มยศ ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง เขายังขุ่นเคืองไม่หายเรื่องที่ถูกหนีหน้า และปล่อยทิ้งให้รอเก้อ

จองกุกมองร่างบางที่เชิดหน้าใส่ จนเห็นรอยสีแดงๆที่ประทับอยู่ใกล้กกหู และเมื่อยื่นหน้าเข้าไปดูก็รู้ว่าเป็นสีชาดทาปากของพวกผู้หญิง

“เป็นเด็กเป็นเล็ก ริอาจเที่ยวผู้หญิงแล้วหรอ” น้ำเสียงทุ้มเข้มถามอย่างไม่พอใจนัก เมื่อรู้ว่าแทฮยองเพิ่งไปเที่ยวสถานที่ที่ไม่เหมาะกับเด็กอายุสิบหกสักเท่าไหร่

“เราไม่ใช่เด็กแล้ว อย่างน้อยก็โตกว่าบางคนที่ทำผิดแล้วเอาแต่หลบหน้า” จองกุกเงียบไปเมื่อได้ยินประโยคนั้น อยู่ๆก็ได้มาเจอกันโดยไม่ทันตั้งตัว แล้วยังถูกตอกย้ำด้วยเรื่องที่ทำให้เขาต้องครุ่นคิดอยู่หลายวันมานี้

“ข้าขอโทษ” ถึงจะเอ่ยขอโทษไป แต่คนตรงหน้าก็ไม่แม้แต่จะชายตามามองเขาสักนิด ใบหน้าสวยเชิดมองไปทางอื่นจนจองกุกต้องดึงรั้งแทฮยองให้เข้ามาใกล้มากขึ้น ล็อคเอวบางไว้ด้วยแขนแข็งแกร่ง แล้วใช้นิ้วมือเชยคางเรียวให้หันมาสบตาด้วย

“ข้าขอโทษที่ไม่กล้าสู้หน้าเจ้าจริงๆ” ตาคมสบดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนที่ทอประกายหยอกล้อกับแสงไฟยามค่ำคืนจากร้านรวงข้างทาง ใบหน้าหวานที่เขาเคยคิดว่าสวยยิ่งดูสวยมากขึ้นไปอีกเมื่ออีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในชุดทหารราชองค์รักษ์เหมือนที่เห็นบ่อยๆ แต่กลับอยู่ในชุดผ้านิ่มแขนยาวสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขายาวสีฟ้าเข้ม

“ไม่ใช่ขอโทษเพราะมองว่าเป็นตัวแทนของคุณข้าหลวง หรือมองเป็นคนแก้เหงา เพราะข้าไม่เคยคิดแบบนั้น” น้ำเสียงจริงจังที่มาพร้อมสัมผัสของปลายนิ้วที่ไล้ไปทั่วกรอบหน้าทำเอาแทฮยองต้องหลุบตาต่ำ เขาไม่กล้าสบตาคม ไม่กล้ามองเจ้าของนิ้วมือที่ลากผ่านริมฝีปากของเขาอยู่  แทฮยองไม่รู้ว่าเป็นเพราะความใจดีของตัวเขาหรือเพราะน้ำเสียงอ่อนหวานที่เอ่ยต่อจากนั้น ที่ทำให้ความโกรธและความน้อยใจหายไปหมดสิ้น

“แต่ขอโทษที่ห้ามใจไม่ได้เวลาอยู่ใกล้เจ้า” นิ้วมือแกร่งเชยใบหน้าสวยที่พยายามจะก้มต่ำให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากันอีกครั้ง แล้วแทฮยองก็ต้องปิดตาสนิทเมื่อเห็นจมูกโด่งเลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสของปลายจมูกที่ปัดผ่านเบาๆที่ข้างแก้ม

จองกุกดมกลิ่นหอมอ่อนที่เขาชอบ นึกเคืองกับกลิ่นดอกไม้ฉุนๆของผู้หญิงในโรงน้ำชาที่ติดมาตามเสื้อผ้านิ่มจนกลบกลิ่นประจำตัวของแทฮยองไปเกือบหมด เขาอยากจะกดจมูกลงไปให้แนบชิดมากขึ้นเพื่อจะได้สูดกลิ่นหอมของผิวเนื้อให้ชุ่มปอด แต่เพราะไม่อยากให้แทฮยองรู้สึกว่าถูกหยามเกียรติอีก ถึงได้แต่หักห้ามใจแค่ปัดปลายจมูกเบาๆผ่านแก้มอิ่ม แล้วค่อยๆไล่ลงมาตามกรอบหน้าสวยของคนที่หลับตาพริ้มอยู่ เขาปัดปลายจมูกผ่านริมฝีปากอิ่มที่อยากจะสัมผัส  จนได้กลิ่นแอลกอฮอล์เบาๆที่เหมือนจะมัวเมาความต้องการของเขาไปด้วย

แทฮยองยังคงรับรู้ถึงปลายจมูกโด่งที่ละลานไปทั่วใบหน้า และไล่ลงมาตามซอกคอ ในขณะที่อากาศรอบข้างเริ่มเย็นมากขึ้น และลำตัวของพวกเขาก็ไม่ได้แนบกันสนิทแต่กลับมีช่องว่างเล็กน้อยพอให้ลมพัดผ่าน น่าแปลกเหลือเกินที่ความอบอุ่นจากร่างกายของจองกุกเหมือนจะถ่ายทอดไปสู่แทฮยองจนเขารู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาได้

ร่างกายของแทฮยองสั่นสะท้านรับสัมผัสอ่อนหวานที่เกิดขึ้น สติล่องลอยไม่ต่างจากขนนกที่ปลิดปลิวไปในอากาศ เขาไม่สามารถต้านทานจองกุกได้ จนต้องปล่อยให้คนตัวสูงเก็บเกี่ยวความหอมหวานตามใจชอบ และเหมือนจะไม่ใช่แค่ร่างกายเท่านั้นที่สั่นสะท้าน แม้แต่หัวใจของแทฮยองก็ควบคุมให้มันเต้นเป็นปกติไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงแหบพร่ากระซิบที่ข้างหู

“ขอจองไว้ก่อน แล้วข้าจะพิสูจน์ให้เห็นเองว่าจริงจังแค่ไหน แต่ระหว่างนี้ขออย่าให้กลิ่นของคนอื่นมาทาบทับกลิ่นบนตัวของเจ้าอีกเลยนะ”

 

ใส่ความเห็น