ตลอดไปมินวี

OS : What brings me to you

เปาะ แปะ เปาะ แปะ

สายฝนที่โปรยปรายเริ่มนำพาความชื้นและอากาศเย็นๆเข้ามาจนคนที่ซุกตัวอยู่ในสไลเดอร์สำหรับเด็กต้องประกบฝ่ามือเข้าหากันแล้วถูเบาๆเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกาย ดวงตากลมโตเหม่อออกไปยังหยดน้ำที่ตกลงมาจากท้องฟ้าและขังตัวรวมกันเป็นแอ่งน้ำเล็กๆบนพื้นทรายของสวนสาธารณะ เป็นธรรมดาของฤดูกาลนี้ที่ฝนตกกระหน่ำลงมาบ่อยๆ แต่นับเป็นสถานกาณ์ที่ออกจะยากลำบากสำหรับคนไร้บ้านอย่างเขา ที่ยึดเอาเก้าอี้ตัวยาวไร้เจ้าของตัวนั้นแทนเตียงนอนในทุกค่ำคืน

ลมหายใจถูกระบายออกมากลายเป็นไอสีขาวเมื่ออากาศเริ่มเย็นลงอีก ภายในอุโมงค์สไลเดอร์สำหรับเด็กนั้นมีพื้นที่มากพอให้เขาอาศัยหลบฝนก็จริง เพียงแต่ความหนาวเหน็บของอากาศที่บาดผิวอยู่ในตอนนี้ต่างหากที่ทำให้คืนนี้คงจะยาวนานและผ่านไปได้ยากนัก รวมทั้งสวนสาธารณะที่ไร้ผู้คนและท้องฟ้าที่เริ่มมืดครึ้มแบบนี้ เขาเชื่อว่าคงไม่มีใครผ่านไปมาให้ได้พึ่งพา หรือแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างกับสถานที่อุ่นๆให้พอได้ซุกตัวนอนเพื่อรอดพ้นอากาศเย็นๆในค่ำคืนนี้ไปได้

 

ตึก ตึก ตึก

เสียงฝีเท้าเดินเข้ามาหยุดอยู่ใกล้เขา ร่างหนาของใครบางคนก้มตัวลงมองลอดเข้ามาภายในอุโมงค์สไลเดอร์ เขามองเห็นดวงตาเรียวรีที่มีประกายอบอุ่นและอ่อนโยนของคนที่ถือร่มคันใหญ่ และรอยยิ้มอ่อนๆที่ถูกส่งมาให้นั้นก็ค่อยๆขับความหนาวเย็นที่โอบรอบจิตใจออกไป ในขณะที่ร่างกายก็ซึมซับเอาอุณหภูมิอุ่นร้อนที่ถูกถ่ายทอดผ่านร่างหนาๆและวงแขนแข็งแกร่งคู่นั้น

 

“อย่าเกร็งนะ ผ่อนคลายลงหน่อย คุณจะได้ไม่เจ็บ” เป็นอีกคืนที่เขาไม่ต้องทนเหน็บหนาวท่ามกลางสายฝนในสวนสาธารณะ ไม่ต้องนอนบนเก้าอี้ยาวแคบๆหรืออุโมงค์สไลเดอร์แข็งๆ หากแต่มีเตียงนุ่มๆ ห้องอุ่นๆ และมีสัมผัสแผ่วเบาที่แตะต้องลูบไล้ปลอบโยนราวกับเขาเป็นสิ่งของมีราคา ทั้งที่ในความเป็นจริง เขาก็ไม่ต่างจากฝุ่นละอองที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ เล็กเกินกว่าที่ใครจะให้ค่า เป็นแค่คนไร้บ้าน ที่หากวันไหนโชคดี ก็อาจได้รับความช่วยเหลือเป็นห้องอุ่นๆ แลกกับร่างกายที่ไร้ประโยชน์ของเขาเช่นในตอนนี้

เมื่อแสงอาทิตย์มาเยือนเขาเองก็ต้องกลับสู่ชีวิตปกติของตัวเองอีกครั้ง ร่อนเร่ไปเรื่อยๆ เก็บขวดพลาสติก ขวดแก้ว และเศษกระดาษเอาไปแลกเป็นเงินที่ร้านขายของเก่า อย่างน้อยก็ให้มากพอที่ซื้อขนมปังก้อนแข็งๆให้พอบรรเทาความหิว

เขาไม่รู้หรอกว่าบนโลกนี้จะมีใครที่ไร้ค่าเท่าเขาอีกหรือเปล่า เขาอยู่ในสภาพไม่ต่างจากขยะที่แม้แต่แม่แท้ๆผู้ให้กำเนิดก็ไม่ได้ต้องการเก็บไว้ เขาเป็นแค่ลูกของหญิงโสเภณีที่ลืมตาขึ้นมาภายในซ่อง ได้รับการเลี้ยงดูแบบทิ้งๆขว้างๆ จนสุดท้ายก็เลือกที่จะออกมาใช้ชีวิตของตัวเองแบบนี้ ปฏิเสธที่จะขายตัวเหมือนผู้เป็นมารดา แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาทำเองก็ไม่ได้แตกต่างจากอีกฝ่าย ใช้ร่างกายแลกที่ซุกหัวนอน แล้วพอรุ่งเช้าก็ระเห็จตัวเองออกมาพร้อมเงินเล็กๆน้อยๆที่อาจได้รับติดตัวกลับมาบ้าง

วันนี้เขายังคงต้องเก็บขยะแลกเงินอีกครั้งเมื่อตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าคนข้างตัวยังคงหลับสนิท เขาสวมเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้น ไม่ได้ปลุกเจ้าของห้องขึ้นมาร่ำลาหรือบอกกล่าวเมื่อไม่เห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็น ก่อนจะออกมาตัวเปล่าเหมือนยามที่เดินเข้าไปในอพาร์ทเม้นท์เมื่อหัวค่ำ ลึกๆแล้วแม้จะเสียดายกับความอบอุ่นอ่อนโยนนั้น แต่เขารู้ดีว่าสุดท้ายแล้วมันก็ต้องจบลงไม่ต่างจากคนก่อนๆ แค่สัมผัสทะนุถนอมไม่ใช่ป่าเถือนรุนแรงเหมือนที่แล้วๆมา เขาก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่สุด

 

 

 

สายฝนตกกระหน่ำลงมาอีกแล้วจนเขาต้องกระชับเสื้อโค้ทที่สวมอยู่ให้แนบร่างกายตัวเองมากขึ้น ขณะที่พยายามสาวเท้าตัวเองให้ยาวขึ้นอีกนิด และเร็วขึ้นกว่าเดิมหน่อย เพื่อไม่ให้แมวหลงทางต้องทนกับความหนาวนานนัก กลัวว่าตัวเล็กๆที่แสนบอบบางนั้นจะล้มป่วย

เขาก้าวเข้าไปในสวนสาธารณะแห่งเดิมกับที่พบแมวตัวนั้นเป็นครั้งแรก เดินเลยเก้าอี้ตัวยาวซึ่งตั้งเอาไว้ให้คนที่แวะเวียนมาที่สวนแห่งนี้ได้พักผ่อน ก่อนจะหยุดลงที่อุโมงค์สไลเดอร์ที่อยู่ถัดไปจากเก้าอี้ตัวนั้น

เขาก้มลงมองลอดเข้าไปในพื้นที่ว่างที่น่าอึดอัด สบประสานเข้ากับดวงตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนที่ดูอ้างว้าง ก่อนจะส่งยิ้มอ่อนไปให้แมวน้อยนี่นั่งตัวสั่นกอดตัวเองอยูู่

 

“เมื่อคืนไม่เจ็บหรอครับ ถึงได้ยังลุกไหวอีก” เขายื่นมือข้างที่ไม่ได้ถือร่มออกไปข้างหน้า ในดวงตาสวยคู่นั้นมีแววลังเลปนแปลกใจเล็กน้อยก่อนจะชะงักไปชั่วครู่ ในขณะที่เขายังคงยื่นมือค้างไว้อย่างนั้นไม่ได้ดึงกลับมา

“เถอะครับ ที่นี่ไม่ได้เหมาะกับอากาศแบบนี้นะ” เขาพูดออกไปอีกประโยคก่อนจะส่งยิ้มกว้างขึ้นเมื่ออีกฝ่ายยอมวางมือทับลงมาให้เขาช่วยออกแรงดึงร่างบอบบางนั้นออกจากอุโมงค์สไลเดอร์ เขาถอดเอาเสื้อโค้ทที่ตัวเองใส่อยู่คลุมลงบนไหล่เล็กๆที่สั่นเทานั้น โชคดีที่เจ้าแมวหลงทางเลือกที่จะกลับมาอยู่ที่เดิมอีกครั้ง โชคดีที่เขายังตามมาพบก่อนจะมีใครคนอื่นเก็บเอาแมวน่าสงสารตัวนี้ไปเสียก่อน

 

 

 

ฝ่ามือหนาลูบไล้ฟองสบู่ลงบนผิวสีน้ำผึ้งอย่างแผ่วเบา ทำความสะอาดร่างกายที่แสนมอมแมมให้อยู่ในสภาพที่สวยงามอีกครั้ง ก่อนหยิบเอาชุดนอนของตัวเองในตู้มาผลัดเปลี่ยนเพื่อให้ร่างกายบอบบางนั้นอยู่ในสภาพที่สบายตัวที่สุด

ไดร์เป่าผมถูกเปิดด้วยอุณหภูมิอุ่นพอเหมาะเพื่อให้ความชื้นบนเส้นผมแห้งลง เขาทำทุกอย่างอย่างไม่เร่งรีบ ตั้งแต่พาแมวหลงทางกลับบ้าน หาอาหารง่ายๆในตู้เย็นให้อีกฝ่ายทาน ก่อนจะพาไปอาบน้ำแล้วจบด้วยการนั่งเป่าผมให้บนเตียงนอนแบบนี้

หลังจากเก็บไดร์เข้าที่เข้าทางเสร็จถึงได้เวลาพูดคุยกันสักที เขามองใบหน้าสวยที่เอาแต่ก้มลงจนคางเกือบชิดอก ทั้งที่ดวงตาคู่นั้นกระจ่างใสราวกับลูกแก้ว ปลายจมูกโด่งรั้นก็ประดับด้วยไฝเม็ดเล็กดูน่าสัมผัส หรือแม้แต่กลีบปากบางเฉียบที่เขาเคยได้ชิมและรู้ว่ามันหวานและนิ่มขนาดไหน ทั้งที่ทุกองค์ประกอบนั้นราวกับสวรรค์ปั้นแต่ง แต่เจ้าของมันกลับเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ปิดบังความสวยงามนั้นอยู่เสมอ

“ทำไมถึงชอบก้มหน้านักล่ะครับ” เขาเอ่ยถามในขณะที่ใช้นิ้วมือเชยคางของอีกฝ่ายขึ้น แต่กระนั้นดวงตากลมสวยก็ยังคงหลุบต่ำไม่ยอมสบตาเขาอยู่ดี ถึงได้ต้องยื่นหน้าของตัวเองเข้าไปใกล้ จนปลายจมูกชนกันเบาๆ

เขามองเห็นกลีบปากนิ่มที่ถูกเจ้าของกัดเม้มจนขึ้นสีซีด เลยใช้ปลายนิ้วโป้งข้างที่จับคางอีกฝ่ายสะกิดเอากลีบปากที่ถูกเม้มแน่นให้เผยอออก แมวน้อยยังคงสั่นระริกทั้งที่อากาศในห้องอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนที่ทำงานอยู่ สั่นจนเขาต้องกอดร่างตรงหน้าให้แนบชิดมากขึ้น ใกล้จนรับรู้จังหวะภายในอกที่เต้นเประสานกัน เขามองดูลูกแก้วสีน้ำตาลใสที่ตัวเองชอบ นึกเสียดายที่มันถูกซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังเปลือกตาสีอ่อนทุกครั้งที่ริมผีปากของเขากดประทับลงบนกลีบปากอ่อนนุ่ม หากแต่ความหอมหวานที่ได้รับนั้นคุ้มค่ามากพอที่จะปล่อยให้ดวงตาสุกสกาวคู่นั้นปิดซ่อนไว้

“อื้ออ” เสียงเบาๆหลุดรอดออกมาทุกครั้งที่เขาขยับตัวแทรกเอาความแข็งแกร่งเข้าไปในความนุ่มนวลของคนใต้ล่าง เขาทำมันอย่างเชื่องช้าเพราะกลัวอีกฝ่ายเจ็บ ถึงจะเป็นแมวหลงทางที่ถูกเก็บมาจากข้างนอก แต่ไม่เคยที่คิดจะรังแก มีแต่อยากทะนุถนอมดูแลให้ดีที่สุด

“ผมจะกอดคุณไว้ทั้งคืนแบบนี้ พอเช้าจะได้หนีไปไหนไม่ได้อีก” ผิวสีน้ำผึ้งขึ้นสีแดงเรื่อไปทั้งตัวไม่ว่าจะเป็นซอกคอระหงที่เขาพรมจูบซ้ำๆหรือพวงแก้มอิ่มที่เขาใช้ปลายจมูกสูดดมเอาความหอมเข้าปอดครั้งแล้วครั้งเล่า เขาประสานนิ้วมือเข้ากับนิ้วเรียวสวยนั้น โถมกายสอดแทรกเข้าไปในความอบอุ่นที่เรียกเสียงครางแผ่วเบาให้หลุดรอดออกมาเป็นระยะ ก่อนกระซิบประโยคที่ทำให้เจ้าของใบหูนิ่มนิ่งชะงัก

“ผมยินดีถ้าคุณจะอยู่ที่นี่ ไม่ต้องร่อนเร่หรือนอนในสวนสาธารณะอีก แค่อยู่ด้วยกัน ผมกับคุณ” เหมือนความอุ่นร้อนเอ่อขึ้นมาในกระบอกตา ทั้งที่ย้ำกับตัวเองเสมอว่าเขานั้นไร้ค่าเกินกว่าที่ใครจะต้องการ เขาที่ใช้ชีวิตไม่ต่างฝุ่นละอองที่ปลิวว่อนในอากาศ อาจมีบางคืนที่ตกไปอยู่ในอ้อมกอดของใครสักคน ที่ถึงจะอบอุ่นแค่ไหน แต่พอรุ่งสางทุกอย่างก็จะจบลง ไม่มีสักครั้งที่มันจะคงอยู่ไปตลอด ไม่ว่าจะเป็นอ้อมกอดอุ่นๆ เตียงนอนนุ่มๆ อาหารอร่อยๆ หรือแม้แต่ธนบัตรสองสามใบที่ได้รับกลับมาจากการเอาร่างกายเข้าแลก

“ไม่ใช่เพราะร่างกายของคุณ ถึงเราจะมีเซ็กส์กัน แต่มันไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้น” เขาไม่รู้เลยว่าทำไมถึงต้องปล่อยให้น้ำตาตัวเองหยดลงมาเพราะคำพูดของผู้ชายที่ไม่รู้จักแม้แต่ชื่อ คนที่มอบสัมผัสอ่อนโยนและทะนุถนอมมาให้

“แค่อยากให้อยู่ด้วยกันที่นี่” สัมผัสแผ่วเบาเช็ดเอาน้ำตาที่หางตาออก มันอบอุ่นจนคนที่ในชีวิตได้สัมผัสกับความอ่อนโยนแค่ไม่กี่ครั้งเผลอสะอื้นไห้ออกมาเหมือนเด็ก ทั้งที่โลกหล่อหลอมให้เขาโดดเดี่ยวและแข็งกระด้างมานานเหลือเกิน นานจนคิดไปว่าตัวเองไม่กระหายความอบอุ่นอ่อนโยนแบบนี้อีกแล้ว

“คุณล่ะอยากอยู่กับผมหรือเปล่า” ดวงตากลมโตที่มักจะหลบสายตาจากผู้คนอยู่เสมอสบประสานเข้ากับดวงตาคมที่ฉายแววจริงจัง เพราะไม่อยากมองเห็นสายตาที่มองมาอย่างสงสาร สมเพช หรือรังเกียจ เขาถึงเลือกจะก้มหน้าก้มตาอยู่ตลอด เขาตั้งคำถามกับตัวเองว่าจะเชื่อคำพูดของคนตรงหน้าได้แค่ไหน แล้วทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต้องทำดีกับเขา เขาไม่น่าจะสร้างประโยชน์อะไรให้อีกฝ่ายได้ แต่เพราะสัมผัสแผ่วเบาที่ยังคงซับเอาน้ำตาที่ไหลลงมาออกให้ สัมผัสที่ทำให้เขาไม่อยากต้องเร่รอนไปไหนให้เหนื่อย อยากหยุดพักอยู่แค่ตรงนี้

สัมผัสที่ทำให้เขาปัดความลังเลทั้งหมดทิ้ง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้เขาได้พบเจอกับผู้ชายคนนี้ ไม่ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น แค่ตอนนี้ที่เขาไม่อยากไร้ค่าเหมือนฝุ่นละอองอีกแล้ว เขาแค่อยากมีตัวตนและเป็นที่ต้องการของใครสักครั้ง

 

2bf_flowerbar1.png

 

 

Special Part

 

“รถเสียอยู่ตรงข้างสวนสาธารณะน่ะ ตอนนี้โทรเรียกช่างมาดูแล้ว ยังไงก็มารับหน่อย รออยู่ที่สวนนี่แหล่ะ รีบๆมานะ หิวว่ะ ยังไม่ได้กินไรเลย” เขากดวางสายโทรศัพท์เมื่อจบบทสนทนากับเพื่อนสนิท มองท้องฟ้าที่มืดเกินกว่าจะหาแท็กซี่สักคันเพื่อกลับห้อง เลยนึกไปถึงเพื่อนที่เพิ่งแยกย้ายกันหลังทำงานคณะเสร็จ

ร่างหนาก้มมองเสื้อผ้าตัวเองที่อยู่ในสภาพดูไม่ได้ เพราะวันนี้เขากับเพื่อนมีงานวาดฉากละครเวทีซึ่งจะใช้ในงานมหาวิทยาลัยที่จะมาถึงในเดือนหน้า เพื่อให้ทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยโดยเร็วที่สุดถึงได้ต้องทำงานกันจนดึกดื่น

รอยเปื้อนเต็มเสื้อยืดและกางเกงมาจากสีอะคริลิคที่พวกเขาใช้ในวันนี้ เพราะกลิ่นค่อนข้างแรงเขาถึงเลือกที่จะมานั่งรอช่างซ่อมรถและเพื่อนสนิทบนเก้าอี้ยาวในสวนสาธารณะมากกว่าจะอุดอู้อยู่ในรถที่อากาศถ่ายเทไม่สะดวก

ผ่านไปไม่ถึงห้านาทีเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังเข้ามาใกล้ เมื่อหันไปมองเห็นผู้ชายคนนึงในชุดมอมแมมซึ่งหยุดยืนอยู่ข้างเก้าอี้ที่เขานั่ง ดวงตากลมโตคู่นั้นเมื่อสะท้อนกับดวงไฟเล็กๆที่ติดอยู่ตามเสาข้างทางฉายให้เห็นแววงุนงงและประหลาดใจนิดๆ

เขาพิจารณาคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า ร่างบอบบางในชุดเก่าซอมซ่อ และใบหน้าที่หากล้างเอาคราบดำๆออกไปก็คงดูดีทีเดียว แต่ก่อนที่เขาจะได้เอ่ยอะไรไป เสียงท้องร้องที่น่าอับอายของตัวเองก็ดังขึ้นก่อน

คนตัวบางเหมือนจะลังเลอะไรพักนึง แต่สุดท้ายก็ควักเอาอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วยื่นให้ แวบแรกเขาตกใจเพราะกลัวจะเป็นอาวุธแต่พอดูดีๆถึงรู้ว่ามันเป็นขนมปังเละๆแบนๆห่อนึง

ผู้ชายคนนั้นยัดขนมปังใส่มือเขาก่อนจะเดินผ่านไปยังอุโมงค์สไลเดอร์สำหรับเด็กที่ตั้งอยู่ด้านข้าง เขามองร่างที่มุดหายเข้าไปในนั้น พลางนึกแปลกใจที่อีกฝ่ายเกิดจะเล่นสไลเดอร์ตอนกลางดึก แต่พอไม่เห็นความเคลื่อนไหวอะไร ประกอบกับสภาพเครื่องแต่งกายที่ซอมซ่อถึงได้เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงอาศัยสวนสาธารณะแห่งนี้เป็นที่หลับนอนเท่านั้น

เขาแกะห่อขนมปังในมือที่บี้แบนไม่เหลือสภาพ นึกลังเลใจแต่ก็เลือกส่งมันเข้าปากจนได้รับรู้ถึงรสชาติขนมปังสากๆ แข็งๆ ที่มีลูกเกดปนอยู่นิดหน่อย ทั้งๆที่ไม่ได้อยู่ในสภาพดีนักแต่ก็ยังมีน้ำใจให้คนอื่น

เสียงข้อความดังขึ้นท่ามกลางความเงียบและเมื่อเปิดหน้าจอดูถึงรู้ว่าเป็นเพื่อนสนิทของเขาขับรถมาถึงสวนสาธารณะแล้ว เขาส่งขนมปังที่เหลือเข้าปากถึงแม้รสชาติมันจะไม่อร่อยเอาเสียเลย ก่อนจะหันไปทางอุโมงค์สไลเดอร์เป็นครั้งสุดท้าย “เป็นแมวหลงทางที่ใจดีจริงๆนะ”

 

 

TALK 

เรื่องนี้แต่งจากเพลงค่ะ What brings me to you – Ann

ใส่ความเห็น