องค์รักษ์กุกวี

EP. 4 : ความทรงจำสีจาง

ร่างเล็กงัวเงียตื่นขึ้นมาบนที่นอนนุ่ม ดวงตาจ้องมองนาฬิกาลูกตุ้มที่ติดอยู่ที่ผนังห้องอย่างตกใจ

“เจ็ดโมงสี่สิบห้า” จีมินกระโดดลุกขึ้นจากเตียงนอนอย่างรวดเร็ว วันนี้มีเรียนวิชาการเมืองการปกครองของท่านโฮซอกตอนแปดโมงเช้า นี่ก็เจ็ดโมงสี่สิบห้าแล้วแต่เขายังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวเลยด้วยซ้ำ แถมการบ้านที่ได้เมื่อคราวก่อนก็ได้แต่สรุปอะไรลงไปมั่วๆอีก แล้วถ้าวันนี้เข้าชั้นเรียนสายก็ไม่รู้ว่าจะโดนทำโทษอะไรรึเปล่า ถึงท่านโฮซอกจะดูเหมือนใจดีแต่ความจริงออกจะเคี่ยวนี่นา เด็กหนุ่มรีบวิ่งลงจากเตียงไปที่ห้องน้ำ อาบน้ำถูสบู่ให้พอสะอาดแล้วแต่งชุดประจำตำแหน่งด้วยความเร็วสูงสุด

“ไปแล้วนะครับแม่ แล้วเจอกันตอนเย็นครับ” จีมินคว้ากระเป๋าย่ามและขนมกระปุกเล็กที่แม่เตรียมไว้ให้ ออกวิ่งสุดชีวิตเพื่อให้ทันเข้าเรียนตอนแปดโมงเช้า แต่พอหยุดลงที่หน้าห้องเรียนก็เห็นท่านโฮซอกกำลังสอนอยู่

“ราชองค์รักษ์จีมินมาสายไปเจ็ดนาทีนะครับ” คุณครูยิ้มด้วยรอยยิ้มใจดีที่ทำให้จีมินร้อนๆหนาวๆ เขารีบเดินเข้าไปนั่งประจำที่ตัวเอง สบตาเพื่อนสองคนที่ส่งสายตาเห็นใจมาให้ หวังว่าเขาคงจะไม่โดนลงโทษอะไรที่หนักเกินไปนัก

“แล้วการบ้านของครั้งก่อนล่ะครับ” โฮซอกถามลูกศิษย์ตัวเล็ก รับกระดาษรายงานที่ถูกยื่นมาให้ด้วยท่าทีหวั่นๆ เขากวาดสายตาอ่านเนื้อหาที่เขียนมาอย่างผ่านๆ ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏขึ้นที่มุมปาก

มันน่าตลกออก ทั้งที่นั่งเรียนด้วยกันสามคน แต่พอให้สรุปเนื้อหาที่เรียนไปลูกศิษย์เขากลับสรุปมาไม่เหมือนกันแม้แต่คนเดียว โฮซอกกลั้นหัวเราะจนปวดแก้ม เขาไม่ได้โมโหเท่าไหร่เพราะเข้าใจว่าวิชานี้มันน่าเบื่อเกินไปสำหรับเด็กอายุสิบหก แล้วอย่างน้อยก็พึงพอใจนิดหน่อยตรงที่ลูกศิษย์เขาไม่ลอกการบ้านกันมาส่ง

“เรากำลังทบทวนเนื้อหาวิชาคราวที่แล้วกันอยู่ สำหรับราชองค์รักษ์จีมินที่มาสา..”

“ขออภัยครับ” เสียงดังจากประตูห้องเรียกทุกสายตาให้หันไปมองผู้มาใหม่ ซึ่งเป็นชายหนุ่มผิวขาวลูกชายท่านเอกอัครราชทูต

“อ่า ท่านโฮซอก ขออภัยที่รบกวนการสอนนะครับ ข้าเอาของมาคืนท่านจีมิน พอดีเมื่อเช้าท่านพ่อไหว้วานท่านจีมินให้ช่วยขนย้ายของนิดหน่อย แล้วท่านจีมินก็ลืมสมุดบันทึกเอาไว้เลยต้องเอามาคืนให้ อีกเรื่องท่านพ่อข้ายังฝากขออภัยท่านโฮซอกด้วย ที่รั้งตัวลูกศิษย์ท่านเอาไว้จนเข้าชั้นเรียนสาย” ยุนกิเอ่ยขออนุญาตโฮซอกเพื่อเดินเข้าไปส่งสมุดบันทึกคืนให้จีมิน แล้วเดินออกจากห้องเรียนไปเมื่อหมดธุระ

ส่วนจีมินก็เอาแต่มองสมุดบันทึกที่รับมาอย่างงงๆ ก็เมื่อเช้าเขาไม่ได้พบหรือช่วยงานท่านเอกอัครราชทูตสักหน่อย มีเพียงตื่นนอนสายเลยเข้าเรียนไม่ทันคนอื่น จีมินถอนหายใจออกเบาๆโดยที่ไม่มีใครทันสังเกต ดูท่านโฮซอกจะยอมเข้าใจเหตุผลที่ถูกอ้างขึ้นมาจนไม่ติดใจจะทำโทษอะไรอีก แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจเขาคือคนที่ยื่นมือมาช่วยกลายเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบหน้าสักเท่าไหร่

นิ้วมือป้อมสั้นเปิดสมุดบันทึกสีดำที่อยู่ในมือทีละหน้า มันเต็มไปด้วยบันทึกข้อมูลการส่งออกของเมืองเคปแลนด์กับเมืองรอบๆ เพราะยุนกิทำงานเป็นเจ้าหน้าที่การทูตในสังกัดกระทรวงต่างประเทศ คงไม่แปลกถ้าจะพกสมุดที่จดบันทึกข้อมูลที่สำคัญเอาไว้ แต่เมื่อเขาเริ่มเปิดไปเรื่อยๆก็พบว่าที่กลางสมุดเล่มนั้นมีกระดาษแผ่นบางๆสอดอยู่ มองเผินๆมันก็คงจะเป็นรูปวาดตุ๊กตาผู้หญิงที่เด็กๆชอบเล่น เพียงแต่มันทำให้เขาย้อนกลับไปนึกถึงความทรงจำเก่าๆ

หลังออกจากห้องเรียนยุนกิก็ตรงไปที่ทำงานตนเอง เมื่อเช้าเขาบังเอิญเจอคนตัวเล็กวิ่งกระหืดกระหอบผ่านหน้าไป ซึ่งดูจากเวลาก็รู้แล้วว่าอีกคนต้องไปเข้าชั้นเรียนสายแน่ๆ แล้วเขาก็แค่อยากช่วยไม่ให้ถูกตำหนิถึงได้ปั้นเรื่องโกหกหน้าตายออกไป โดยเอาสมุดบันทึกของตัวเองมาอ้างให้ดูน่าเชื่อถือ เขาจำสีหน้าของท่านจีมินตอนที่รับหนังสือเล่มนั้นได้ สีหน้ามึนงงที่ดูน่ารักเหมือนจีมินเด็กน้อยคนนั้น ไม่ได้ดูใจร้ายเหมือนท่านจีมินที่โตขึ้นมาในตอนนี้

738299vt6qv1ppxh

เสียงเครื่องดนตรีที่คลอไปกับบรรยากาศยามค่ำคืนทำให้งานเลี้ยงดูคึกคักขึ้น ผู้คนมากมายมารวมตัวกันอยู่ภายในวังหลวง ทั้งข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ที่กำลังชนแก้วปรึกษาปัญหาการเมือง หรือบรรดาภริยาที่พูดคุยเรื่องเสื้อผ้าและสวยความงามไม่หยุด ปล่อยให้ลูกหลานวิ่งซนในงานไปเรื่อย

“แตแตปิดตานะ จมิงกับองดิ๋งจะไปแอบ” เสียงเจื้อยแจ้วเรียกความสนใจจากเด็กชายวัยสิบขวบที่กำลังยืนตักอาหารอยู่ เขาหันไปมองเด็กน้อยสามคนที่ยืนล้อมวงกัน เด็กหญิงแก้มสีแดงยุ้ยสวมชุดกระโปรงยาวสีขาวมีระบายสีชมพูดูน่ารัก ในขณะที่เด็กผู้ชายผิวสีน้ำผึ้งถูกจับแต่งชุดผ้าขนสัตว์อย่างดีและมีผ้าพันคอสำหรับกันอากาศเย็นยามค่ำ ส่วนเด็กผู้ชายอีกคนที่ตัวเล็กกว่าและเป็นเจ้าของน้ำเสียงเจื้อยแจ้วอยู่ในชุดขนสัตว์กับผ้าพันคอเช่นกันโดยที่สองมือน้อยๆอุ้มตุ๊กตาผู้หญิงที่สามารถกระพริบตาได้เอาไว้ด้วย ยุนกิมองใบหน้ากลมของเด็กชายตัวเล็ก ช่องว่างระหว่างฟันด้านหน้าที่หายไปสองซี่ทำให้เจ้าตัวดูเขินอายทุกครั้งที่ต้องเอ่ยปากพูด และมันคงเป็นสาเหตุที่ทำให้เด็กน้อยพูดไม่ชัด

หลังจากเด็กที่ถูกเรียกว่าแตแตเอามือปิดหน้าแล้วเริ่มนับถอยหลัง อีกสองคนก็วิ่งไปคนละทิศละทางเพื่อหาที่ซ่อน ยุนกิละความสนใจจากเด็กกลุ่มนั้นที่เขาไม่รู้ว่าเป็นใคร เพราะพวกผู้ใหญ่ต่างพาลูกหลานมาร่วมงานกันเต็มไปหมดจนเขาเองก็จำใครไม่ได้

ยุนกินั่งจิ้มนั่นจิ้มนี่เข้าปากเรื่อยๆ สลับกับมองพวกผู้ใหญ่ที่คุยในสิ่งที่เขาฟังไม่รู้เรื่อง แล้วพออาหารในจานหมด เขาก็เดินไล่ไปตามโต๊ะอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ทีละโต๊ะเพื่อเติมเต็มจานที่ว่างเปล่า

จึก จึก แรงจิ้มน้อยๆที่ขาทำเอาเด็กชายวัยสิบขวบต้องก้มลงไปมองใครบางคนที่ยกชายผ้าปูโต๊ะอาหารขึ้นแล้วโผล่หน้าออกมา

“เค้กให้จมิงหน่อย หิววว” นิ้วป้อมสั้นจิ้มลงที่ขาของเขาอีกครั้ง พร้อมทั้งส่งยิ้มกว้างมาให้จนดวงตาเรียวเล็กยิบหยี

ยุนกิเดินดูมันมีแต่เค้กกาแฟที่เด็กคงไม่ชอบ เขาเลยตักทาร์ตราสเบอรี่ชิ้นโตมาให้ แล้วมุดชายผ้าปูโต๊ะเข้าไปนั่งเบียดกับเด็กน้อยในพื้นที่แสนคับแคบ

“ทำไมมาอยู่ใต้นี้” ถามไปทั้งที่เดาคำตอบได้ ภายใต้โต๊ะที่มีผ้าปูปิดอยู่จนอากาศถ่ายเทไม่สะดวก มันแสนจะร้อนอบอ้าว เด็กชายเลยต้องถอดผ้าพันคอไว้ที่พื้น รวมทั้งโยนตุ๊กตาที่อุ้มมาทิ้งลงไปกองรวมกันด้วย

“จมิงแอบแตแต แต่จมิงหิว” เด็กน้อยหยิบทาร์ตที่ได้มาเข้าปาก ยุนกิมองแก้มกลมที่อูมขึ้นเพราะขนมที่อัดอยู่ในนั้น มองครีมสีขาวที่เปื้อนรอบกลีบปากที่ขยับเคี้ยวไม่หยุด

“ค….แค่กๆๆๆ..” พอเห็นท่าท่างเหมือนขนมจะติดคอ เลยเป็นหน้าที่ของคนโตที่ต้องมุดออกไปเอาน้ำมาให้

“อ่ะ ดื่มสิ” เด็กน้อยดื่มชาน้ำผึ้งมะนาวที่รับมาสลับกับกินทาร์ตที่อยู่ในมือ

“ในนี้มันแคบเนอะ” เพราะมันแคบเลยต้องนั่งเบียดกัน ยุนกิพยายามที่จะขยับตัวเพื่อให้นั่งสบายขึ้น

“โอ๊ะ เจ็บจัง” ไม่ทันระวังให้ดี มือของเขาเลยไปฟาดเข้ากับขาโต๊ะจนได้

“เอามาดูจิ จมิงเก่ง เล่นคนไข้กะแตแตกะองดิ๋ง จมิงได้เป็นนางพะบานด้วย” เด็กน้อยวางจานลงกับพื้น หันมาพูดโอ้อวดให้คนที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แล้วยังเอานิ้วสั้นๆไปคว้ามือคนโตกว่ามาดูจนเห็นนิ้วก้อยข้างซ้ายที่แดงเพราะฟาดเข้ากับขาโต๊ะ

“ไม่เจ็บน้า เดี๋ยวจมิงทำเผให้” นิ้วป้อมสั้นล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาพันที่นิ้วก้อยแล้วเอาชายผูกเป็นเงื่อนตายมัดไว้

“เยือดจะได้ไม่ไหยยยย” ยุนกิได้แต่งงกับพยาบาลตัวน้อยที่กำลังห้ามเลือดทั้งที่นิ้วของเขาไม่ได้มีเลือดออก แล้วพยาบาลคนเก่งก็ไปหยิบเอาผ้าพันคอที่วางกองไว้ที่พื้นมาผูกปลายเข้าหากันแล้วก็เอาไปคล้องคอยุนกิ

“เอาเขนใส่ไว้ กะดูกจะได้ไม่ดุดดด” แถมยังเอาแขนเขาไปคล้องในผ้าพันคอเหมือนเป็นผ้าคล้องแขนอีกต่างหาก เพียงแต่ผ้าพันคอเด็กมันสั้นจนแขนเขาแทบจะไปขึ้นไปติดกับคอตัวเองแล้ว ให้ตายเถอะแค่เอานิ้วไปฟาดกับขาโต๊ะนี่ถึงกับต้องระวังกระดูกหลุดเลยหรอ แต่พอเห็นความตั้งใจของเด็กน้อยยุนกิเลยไม่ว่าอะไร ปล่อยให้คนที่ทำแผลเสร็จหันไปสนใจกินขนมต่อ

“กินดีๆสิ เปื้อนหมดแล้ว”

นิ้วเล็กๆเอื้อมลงไปในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง แต่พอนึกได้ว่าเอาผ้าเช็ดหน้าเอาไปใช้ทำแผลแล้ว สุดท้ายเด็กน้อยเลยเอาหน้าตัวเองไปถูไถกับแขนเสื้อคนข้างๆ

“เห้ยย” ถึงอยากห้ามก็ห้ามไม่ทัน ยุนกิมองแขนเสื้อสีดำของเขาซึ่งเลอะครีมสีขาวเป็นดวงๆดูน่าเกลียด

“ฉะอาดยัง”เด็กน้อยถามด้วยรอยยิ้มสดใสกับดวงตายิบหยีที่ทำยุนกิใจก่อน

“ยัง ตรงนี้อีกนิดนึง” ยื่นแขนเสื้อตัวเองไปเช็ดคราบครีมที่เหลือออกจากปากเล็กจนหมด อย่างไรเสื้อเขาก็เปื้อนไปแล้ว จะเปื้อนอีกหน่อยก็คงไม่เป็นอะไรหรอก แล้วพอปากสะอาดเด็กน้อยก็กลับไปกินขนมต่อ สรุปคือครีมกลับไปเปื้อนรอบปากเหมือนเดิมไม่มีผิด จนยุนกิได้แต่ถอนหายใจซ้ำๆ เอาเถอะไว้ให้กินเสร็จแล้วค่อยเช็ดทีเดียวดีกว่า

“เอิ้กกกกก” แล้วเขาก็ต้องหัวเราะให้เด็กที่เผลอฟุบหลับพิงต้นแขนตัวเอง อะไรกันกินเสร็จปุ๊บก็หลับปั๊บ แถมยังเรอเสียงดังออกมาอีก ยุนกิเอื้อมมือไปเช็ดครีมสีขาวที่เลอะเส้นผมนิ่มออก มีอย่างที่ไหนมาหนุนแขนเสื้อที่เอาไปเช็ดปากจนครีมไปเปื้อนที่ผมเส้นเล็กๆหมดแล้ว เขาค่อยๆขยับตัวเพราะกลัวจะทำให้เด็กน้อยตื่น สงสัยจะต้องแบกเจ้าเด็กที่แสนน่าเอ็นดูคนนี้ขึ้นหลังไปตามหาญาติแล้วล่ะ ป่านนี้คงตกใจแย่ที่ลูกหลานตัวเองหายไปไหนก็ไม่รู้

738299vt6qv1ppxh

จีมินจ้องมองภาพวาดตุ๊กตาเด็กผู้หญิง มันดูคล้ายตุ๊กตาของเขามากจริงๆ ตุ๊กตาที่เขาเคยติดมันมากตอนอายุสี่ขวบ

“น้องตุ๊กตาของจีมินน่ารัก แทแทขอเล่นด้วยคน” เด็กชายซึ่งอยู่ในชุดเสื้อไหมพรมสีฟ้าและกางเกงผ้ายืดสีขาวเดินไปเกาะแขนเพื่อนชายตัวเล็กซึ่งยืนอุ้มตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่ใส่ชุดเอี๊ยมสีแดงอยู่ ดวงตากลมโตเป็นประกายสดใสเมื่อเห็นของเล่นชิ้นใหม่ที่น่าสนใจอยู่ในมือเพื่อนสนิท

“น้องตุ๊กตาหยับอยู่นะแตแต ต้องให้น้องตุ๊กตาตื่น” จีมินกอดตุ๊กตาที่อยู่ในมือจนแน่น เพราะมันเป็นตุ๊กตาตัวใหม่ที่แม่เขาเพิ่งซื้อมาให้เมื่อวาน เด็กน้อยเลยหวงมันมากจนไม่อยากให้ใครแตะต้อง ถึงแม้อีกฝ่ายจะเป็นเพื่อนสนิทของเขาก็เถอะ

“น้องตุ๊กตาจะหลับได้ไง น้องตุ๊กตาไม่มีชีวิต” แทฮยองในวัยเด็กยืนเถียงกับเพื่อน เพราะอยากเล่นของเล่นใหม่แต่เพื่อนไม่ยอมให้ เด็กน้อยเลยเอื้อมไปแย่งตุ๊กตามาอย่างเอาแต่ใจ

“อย่ามาแย่งนะ แตแตนิฉัยไม่ดี แตแตมีของเย่นตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมาแย่งของจมิงด้วย” สองคนยื้อแย่งตุ๊กตาตัวน้อย ทั้งที่แทฮยองมีของเล่นเต็มบ้านที่พี่ซอกจินกับคุณน้าซื้อให้ ส่วนจีมินไม่มีของเล่นอะไรสักอย่าง ทุกครั้งที่ไปเล่นบ้านแทฮยอง จีมินได้แต่มองตุ๊กตาของแทฮยองอย่างสนใจ มองตัวต่อเท่ๆที่เขาอยากได้ มองรถของเล่นสวยๆด้วยความอิจฉาทุกครั้ง เขาอยากได้มันบ้างแต่ไม่เคยไม่โอกาส แล้วนี่เป็นของเล่นชิ้นแรกที่แม่ยอมซื้อให้เพราะเขาอ้อนวอนอยู่นานสองนาน เป็นของเล่นชิ้นเดียวที่เขาได้เป็นเจ้าของ แล้วทำไมแทฮยองต้องมาแย่งของเขาด้วย

“เราอยากเล่น องค์หญิงก็อยากเล่น จีมินขี้เหนียว จีมินนิสัยไม่ดี” แทฮยองตะโกนใส่หน้าเพื่อนตัวเล็ก แค่ตุ๊กตาตัวเดียวทำไมจีมินต้องหวงด้วย แทฮยองกระชากแขนตุ๊กตาแรงขึ้น ส่วนองค์หญิงก็เข้ามาช่วยดึงอีกแรงเพราะอยากจะเล่นด้วย

“ตุ๊กตาจมิง ทำไมต้องให้แตแตกับองดิ๋ง น้องตุ๊กตาเป็นของจมิงคนเดว” เพราะตัวเล็กกว่าเพื่อนในกลุ่มเลยมีแรงน้อยกว่า ดวงตาเรียวเล็กเริ่มมีน้ำใสคลอมากขึ้นเมื่อไม่สามารถสู้แรงเพื่อนอีกสองคนได้ จากที่จับแขนตุ๊กตาไว้ได้ข้างนึง มันก็ค่อยๆเลื่อนหลุดจากมือไปเรื่อยๆ จนนิ้วของเขาเกี่ยวไว้ได้เพียงผ้าสีแดงที่เป็นชุดที่ตุ๊กตาใส่อยู่

แคว้กกก.. จีมินมองผ้าสีแดงที่อยู่ในมือตัวเอง ส่วนตุ๊กตาไปอยู่ในมือของแทฮยองกับองค์หญิงแล้ว ชุดกระโปรงที่เคยอยู่บนตัวตุ๊กตาขาดวิ่นเป็นริ้ว ตุ๊กตาตัวใหม่ที่จีมินแสนรักแสนหวง ของเล่นเพียงชิ้นเดียวที่เขามีสิทธิ์เป็นเจ้าของ

“ฮึกกก ฮือออ” เด็กน้อยปล่อยโฮออกมา น้ำตาไหลเต็มสองข้างแก้ม เขานั่งลงร้องไห้กับพื้นโดยไม่สนใจใคร จ้องมองเศษผ้าสีแดงขนาดใหญ่ที่อยู่ในมือ

“ฮือออ แตแตกับองดิ๋งต้องทำตุ๊กตาของจมิงพัง จมิงไม่เหยือตุ๊กตาเย่นแย้ว จมิงไม่มีของเย่นอะไยเยย ฮืออ ทำไมต้องพังของจมิงด้วย ฮืออ” เสียงร้องไห้ดังมากขึ้น เขาเพิ่งได้มันมาเมื่อวานยังไม่ทันได้เล่นให้หายอยากเลยด้วยซ้ำ แต่วันนี้มันกลับขาดแล้ว ถ้าแม่รู้ต่อไปก็คงไม่ยอมซื้ออะไรให้อีก

 

แทฮยองกับองค์หญิงมองเพื่อนชายตัวเล็กที่ร้องไห้ไม่หยุด ตุ๊กตาที่อยู่ในมือหมดความหมายไปทันที ความรู้สึกผิดท่วมท้นขึ้นมาจนกลายเป็นน้ำตาหยดใหญ่ๆที่แข่งกันไหลลงมาเต็มหน้า

“ฮืออ จีมินแทแทขอโทษ แทแทไม่ตั้งใจ” แทฮยองยื่นตุ๊กตาในมือคืนให้เพื่อนของเขา จีมินดึงมันกลับไปอย่างแรงแล้วเอาแต่กอดตุ๊กตาร้องไห้ไม่หยุด

“เราไม่ตั้งใจ ฮึกก ขอโทษ” องค์หญิงนั่งลงไปกอดเพื่อนตัวเล็กที่ร้องไห้จนตัวสั่น มือน้อยกอดเพื่อนของเธอจนแน่น แทฮยองก็นั่งลงไปกอดเพื่อนสองคนเอาไว้ทั้งที่ปากยังคงขอโทษไม่หยุด

สามคนเอาแต่แข่งกันร้องไห้ พวกเขาไม่ได้ตั้งใจทำมันพัง ตุ๊กตาตัวใหม่ที่ถึงน่ารักแต่ก็ไม่น่ารักเท่าจีมินของเขา

“แทแทจะเอาของเล่นที่บ้านมาให้จีมินหมดเลย จีมินจะได้มีของเล่นเยอะๆไง อย่าร้องไห้สิ”

“ช่าย เดี๋ยวเราให้คนอื่นซ่อมตุ๊กตาให้ จีมินอย่าร้องนะ เราไม่แย่งแล้ว เราไม่ชอบมัน มันทำให้จีมินร้องไห้”

“แตแตกะองดิ๋งจะให้ของเย่นจมิงหยอ” เด็กชายตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาทั้งที่น้ำตายังเต็มสองข้างแก้ม เขาจะมีของเล่นเยอะๆเหมือนคนอื่น จะได้เล่นทุกอย่างที่อยากเล่น ไม่ต้องเอาแต่มองด้วยความอิจฉาเหมือนเดิมอีก

เพื่อนรักสองคนพยักหน้าซ้ำๆ ยื่นนิ้วก้อยมาเกี่ยวพันทำสัญญากันไว้ จนใบหน้ากลมที่เคยเศร้ากลับมายิ้มอีกครั้ง และดวงตาเรียวเล็กที่แดงก่ำทอประกายสดใส องค์หญิงกับแทฮยองช่วยกันเช็ดน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าของจีมินออก ในขณะที่ยังผลัดกันกอดปลอบเพื่อนตัวเล็กไม่หยุด เพราะสำหรับพวกเขาไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าคำว่า’เพื่อน’อีกแล้ว

 

ความทรงจำเล็กน้อยที่จีมินพอจะจำได้เกี่ยวกับตุ๊กตาผ่านเข้ามาในความคิด หลังจากที่ชุดมันขาดไปองค์หญิงก็ให้นางกำนัลคนอื่นซ่อมแซมแล้วเอามาคืนเขาในวันรุ่งขึ้น แล้วจีมินก็ติดมันจนพกไปไหนมาไหนด้วยพักใหญ่ก่อนจะโยนทิ้งไปเมื่อมันเก่าและสกปรก

จีมินยิ้มกับความทรงจำวัยเด็ก ตอนนั้นเขาเด็กเกินกว่าที่จะรู้จักคำว่าเสียสละ แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างตุ๊กตาก็เอามาทำให้ทะเลาะกันได้ แต่ตอนนี้พวกเขาโตพอที่จะรู้จักแบ่งปันและถนอมความสัมพันธ์ระหว่างกันไว้แล้ว จีมินหวังเหลือเกินว่าพวกเขาสามคนจะคงมิตรภาพที่สวยงามไว้แบบนี้ได้ตลอดไป โดยที่ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงมัน

“คาบเรียนนี้พอแค่นี้นะขอรับ องค์หญิงกับท่านราชองค์รักษ์จะได้พักผ่อน” เสียงท่านโฮซอกเรียกสติของจีมินกลับมาอีกครั้ง เขาจึงเริ่มเก็บข้าวของบนโต๊ะลงในถุงย่ามตัวเอง

“สำหรับที่ท่านจีมินเข้าเรียนช้า ถึงจะมีเหตุผลที่สมควร แต่ยังไงก็ถือว่าผิดที่ไม่รักษาเวลานะครับ” โฮซอกพูดอย่างใจดี เขาอยากจะให้ลูกศิษย์ของเขาได้เรียนรู้ ถึงแม้เหตุผลจะสามารถอธิบายเมื่อเราทำผิดได้ แต่มันไม่สามารถลบล้างความผิดนั้นให้หมดสิ้นไป

“เดี๋ยวคาบเรียนหน้าเราจะศึกษาข้อมูลของแต่ละภูมิภาคของเมืองเคปแลนด์กัน โดยเฉพาะเรื่องปัญหาที่แต่ละที่กำลังประสบอยู่ อย่างเช่นปัญหาโจรขโมยชุกชุมทางตอนเหนือ และมันคือการบ้านสำหรับการเข้าเรียนสายที่ท่านจีมินต้องไปศึกษาแล้วเขียนรายงานมาส่งว่าทำอย่างไรถึงจะแก้ปัญหาที่นั่นได้” จีมินได้แต่ถอนหายใจ ทั้งที่คิดว่าท่านโฮซอกจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วเชียว แต่สุดท้ายก็โดนการบ้านเพิ่มจนได้ มือเล็กจดการบ้านที่ได้ลงบนสมุดบันทึกของตัวเอง ในขณะที่สมุดบันทึกสีดำที่ได้รับมาจากยุนกิก็ถูกเก็บลงกระเป๋าย่าม เอาไว้เจอกันเมื่อไหร่ค่อยคืนแล้วกัน เพราะจีมินไม่มีอารมณ์ไปตามหาเจ้าของสมุดบันทึกตอนนี้หรอก

 

ระหว่างทางเดินกลับบ้านที่แสนทอดยาว เสียงถอนหายใจด้วยความเบื่อยังดังขึ้นไม่หยุด ที่เขาพูดกันว่าถอนหายใจแล้วจะทำให้อายุสั้น วันนี้วันเดียวจีมินคงอายุสั้นไปหลายปีแล้วล่ะ

“ท่านจีมิน” เสียงเรียกของคนที่ยืนรออยู่ยิ่งทำให้จีมินถอนหายใจมากขึ้นไปอีก เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าย่ามหยิบสมุดบันทึกออกมายื่นให้ยุนกิโดยไม่ได้คิดจะเอ่ยคำขอบคุณ แน่นอนอยู่แล้วเพราะเขาไม่ได้เป็นคนขอให้ช่วยหนิ ยุนกิต่างหากที่ยื่นมือเข้ามาช่วยโดยเขาไม่ได้ร้องขอ

“อ่า ขอบคุณที่เอามาคืน”

จีมินหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ และทำท่าจะเดินผ่านไปโดยไม่พูดอะไรอีก

“เอ่อ คือวันนี้ข้าเอาขนมแป้งทอดมาฝากท่านจีมินด้วย แต่ถ้าท่านจีมินไม่อยากกิน ก็เอาไปให้คนอื่นเถอะครับ อย่าขว้างทิ้งเลยสงสารคนขาย ถ้าเขารู้ว่าขนมที่เขาตั้งใจทำถูกขว้างทิ้งคงเสียใจแย่ ถึงแม้จะทำขายเพื่อแลกกับเงินก็เถอะ แล้วก็สงสารคนจนที่ไม่มีอะไรจะกินด้วย” จีมินเหลือบมองถุงขนมแป้งทอดแล้วตอบกลับไปอย่างไม่ไว้หน้า

“งั้นก็เอากลับไป ไม่กิน อย่ามายุ่ง” จีมินตั้งใจจะเดินหนีถ้าไม่ติดประโยคที่อีกคนถามขึ้นมาซะก่อน

“เพราะข้าทำให้ท่านจีมินอารมณ์เสียหรอ”

“ใช่ เพราะเจ้านั่นแหล่ะที่ทำให้ข้าโดนท่านโฮซอกทำโทษ สั่งการบ้านยากมากด้วย” พูดออกไปทั้งที่รู้ดีว่ายุนกิตั้งใจจะช่วย ความจริงที่ถูกลงโทษเพราะเขาตื่นสายนั่นแหล่ะ แล้วถ้าไม่ได้ยุนกิอาจจะโดนสั่งการบ้านมากกว่านี้ด้วยซ้ำ และก็เพราะเป็นยุนกิอีกนั่นแหล่ะ ที่ต่อให้ทำดียังไง เขาก็อดพาลใส่ไม่ได้

“ถ้างั้นให้ข้าช่วยได้ไหม บางทีอาจจะช่วยได้” เขาลังเลนิดหน่อย ไม่รู้หรอกว่ายุนกิจะช่วยได้จริงรึเปล่า แล้วอันที่จริงก็ไม่ได้อยากจะรับความช่วยเหลือหรอก แต่ติดที่ขี้เกียจไปศึกษาด้วยตัวเอง ก็เขาไม่ชอบวิชานี้ มันเลยมีความรู้สึกไม่อยากจะทำเป็นพิเศษ

“ให้ได้ช่วยเถอะครับ ถือว่าชดเชยที่ทำให้ท่านถูกลงโทษ”

738299vt6qv1ppxh

“ท่านจีมินคิดคำตอบเอาไว้อย่างไรครับ” ยุนกิถามคนหน้ามุ่ยที่นั่งอยู่ตรงข้าม ตอนนี้พวกเขานั่งอยู่ที่บ้านของท่านจีมินหลังจากที่คนตัวเล็กยอมให้เขาช่วยเรื่องการบ้านที่คั่งค้างอยู่

“ส่งตำรวจไปเยอะๆสิ จับให้หมดพวกโจรขโมย สุดท้ายเดี๋ยวคนก็กลัวแล้วเลิกกันเอง” แน่นอนว่าการใช้กฎหมายที่รุนแรงและเข้มงวดสามารถแก้ปัญหาเรื่องโจรขโมยได้แน่ๆ ถ้ามีบทลงโทษที่รุนแรงสุดท้ายใครจะกล้าเป็นโจรล่ะ

“ตอบสมกับเป็นทหารเลยนะครับ” ยุนกิส่งยิ้มไปให้ เพราะเขาไม่ใช่ทหารถึงไม่ได้มองเรื่องกฎหมายและกฎระเบียบเป็นหลัก

“ไม่งั้นจะแก้ยังไงเล่า” จีมินหันไปมองตาเขียว ไอ้ที่ว่าตอบสมกับเป็นทหารนี่ฟังดูไม่เหมือนคำชมเลยแฮะ

“ลองคิดถึงสาเหตุที่ทำให้มีโจรขโมยสิครับ ภูมิประเทศแนวนั้นหนาวเย็นไม่เหมาะกับการเพาะปลูก ส่วนใหญ่ทำเหมืองแร่แล้วก็ใช้แรงงาน พอถูกกดค่าแรง คนเราก็ต้องเอาตัวรอด ถึงจะรู้ว่าผิดกฎหมายก็ทำอยู่ดีเพราะไม่มีทางเลือก”

“…”

“ใช้กฎหมายแก้ก็ได้ แต่เราไปควบคุมค่าแรงขั้นต่ำหรือส่งเสริมอาชีพให้พวกเขาน่าจะดีกว่า อย่างพวกปศุสัตว์บางอย่างยังพอทำได้ เพียงแต่ชาวบ้านยังขาดความรู้และเงินทุนซึ่งภาครัฐต้องช่วย”

จีมินจดทุกอย่างที่ยุนกิบอกลงในสมุดบันทึก อย่างน้อยก็ได้คำตอบที่ดีพอโดยไม่ต้องไปนั่งค้นคว้าหาความรู้ให้เมื่อยตุ้ม พอคิดว่าสามารถทำการบ้านเสร็จได้อย่างรวดเร็วก็ทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาก จนเผลอลืมอะไรหลายๆอย่าง เช่นคนตรงหน้าที่ไม่ชอบเท่าไหร่ หรือขนมแป้งทอดที่ตั้งใจว่าจะไม่กินแน่ๆ

มือเล็กหยิบขนมแป้งทอดชิ้นเล็กเข้าไปในปาก ลิ้มรสความหวานของไส้ถั่วแดงที่เขาชอบ พอหมดชิ้นนึงก็หาไส้ถั่วแดงชิ้นใหม่

ยุนกิมองคนที่กินขนมแป้งทอดชิ้นแล้วชิ้นเล่า สงสัยท่านจีมินจะชอบไส้ถั่วแดงเป็นพิเศษถึงได้เมินขนมแป้งทอดไส้อื่นๆ เขามองคนที่ดูอารมณ์ดีด้วยอารมณ์ที่ดีกว่า สงสัยท่านจีมินจะสบายใจจนเกินไปถึงได้ลืมตัวเผลอกินขนมขนมแป้งทอดไปตั้งหลายชิ้นล่ะ

ใส่ความเห็น